เทรนด์สารให้ความหวานทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ใส่ใจสุขภาพ

Stevia - สตีเวีย หรือ หญ้าหวาน

• ผลิตจากใบหญ้าหวานสตีเวีย ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับดาวเรือง มีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 150-300 เท่า แต่แทบไม่ให้พลังงาน จึงไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

• นิยมใช้กับชา กาแฟ และเครื่องดื่มอื่นๆ โดย FDA อนุญาตให้ใช้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ยังไม่รับรองความปลอดภัยหากบริโภคในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อความดันโลหิตและการทำงานของไต

• จากการศึกษาใน Journal of Medicinal Food พบว่า Stevia มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ รวมถึงอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตในผู้ป่วยเบาหวาน (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/14977436/)

Erythritol - อีริทริทอล

• เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่พบได้ตามธรรมชาติในผลไม้บางชนิด เช่น แตงโม องุ่น และเห็ด ให้ความหวานประมาณ 60-80% ของน้ำตาล แต่ให้พลังงานเพียง 6% จึงเหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยเบาหวาน

• นิยมใช้เป็นสารให้ความหวานในเครื่องดื่ม ขนมหวาน หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ Erythritol ไม่ส่งผลต่อน้ำตาลและอินซูลินในเลือด ไม่ทำให้ฟันผุ และดูดซึมได้น้อยจึงไม่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียเหมือนสารให้ความหวานอื่นๆ

• จากการศึกษาใน European Journal of Clinical Nutrition พบว่า Erythritol ถูกดูดซึมได้น้อยกว่า 10% ในลำไส้ จึงปลอดภัยต่อระบบทางเดินอาหาร ไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง และเป็นสารให้ความหวานที่เหมาะสมในผู้ป่วยเบาหวาน (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/8457531/)

Xylitol - ไซลิทอล

• ผลิตจากพืชและเปลือกไม้ที่มีส่วนประกอบของไซลิทอล ซึ่งเป็นน้ำตาลโพลีออล (polyol) ตามธรรมชาติ มีความหวานใกล้เคียงน้ำตาลทรายขาว แต่ให้พลังงานเพียงครึ่งหนึ่ง

• นิยมใช้กับชา กาแฟ โกโก้ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่นๆ Xylitol มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการหลั่งน้ำลายและลดกรดในช่องปาก เมื่อรับประทานเป็นประจำจึงช่วยลดฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• จากการศึกษาใน International Dental Journal พบว่าการบริโภค Xylitol ขนาด 6-10 กรัมต่อวันเป็นประจำ ช่วยลดอัตราฟันผุได้ถึง 30-85% โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ (https://www.researchgate.net/publication/10663526_Xylitol_and_caries_prevention_-_Is_it_a_promising_agent_for_patients_in_radiation_therapy)

• อย่างไรก็ตาม Xylitol อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้หากบริโภคในปริมาณมาก จึงควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ วันละ 5 กรัม แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น และควรแบ่งรับประทานหลายๆ ครั้งต่อวัน

จะเห็นได้ว่าสารให้ความหวานทางเลือกเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดปริมาณน้ำตาลที่ได้รับในแต่ละวัน ลดความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และฟันผุแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเลือกบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป และหากเป็นไปได้ ก็ควรดื่มชาและกาแฟแบบไม่เติมความหวานใดๆ  เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพในระยะยาว

    นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคแล้ว การมีประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยสร้างหลักประกันให้กับเราและครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงอายุ 25-40 ปี ที่เริ่มมีความเสี่ยงของโรคร้ายต่างๆ มากขึ้น การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการตรวจสุขภาพประจำปีจะช่วยให้เราสามารถคัดกรองความเสี่ยงและตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ส่วนประกันโรคร้ายแรงจะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงมากได้ หากรู้ตัวว่าป่วยด้วยโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง การมีหลักประกันสุขภาพที่ดี ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การมีสุขภาพดี จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดให้กับตัวเราและคนที่เรารัก ให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวค่ะ