1. ใช้วิธีออมเงินโดยการแบ่งสัดส่วนเงินให้ชัดเจน
ข้อแรกของวิธีออมเงินแบบจริงจัง คือการแบ่งสัดส่วนของเงินตั้งแต่ที่ได้มา ซึ่งการแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนจะช่วยให้สามารถบริหารการใช้เงินได้อย่างรอบคอบและออมเงินได้มากยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าเงินส่วนใดใช้ได้ และเงินส่วนใดต้องเก็บออมไว้ โดยการแบ่งสัดส่วนเงินมีสูตรที่นิยมใช้กันคือ 50-30-20 ซึ่งจะแบ่งเงินออกเป็น “ค่าใช้จ่ายประจำวัน-ค่าใช้จ่ายส่วนตัว-เงินสำหรับเก็บออม” สามารถยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
สมมติว่า นาย ก มีเงินรายได้เดือนละ 30,000 บาท สามารถแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนแรก 50% คือ 15,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่จำเป็นต้องมี เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง และค่าอาหาร
ส่วนที่สอง 30% คือ 9,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของสะสม หรือปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ
ส่วนที่สาม 20% คือ 6,000 บาท เป็นเงินส่วนที่ต้องเก็บออมไว้นั่นเอง
2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คือ หัวใจของการออมเงิน
อีกหนึ่งวิธีเก็บเงินให้อยู่และช่วยให้คุณสามารถออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้บริหารการใช้เงินได้ดียิ่งขึ้น เพราะจะทำให้เราได้รู้ว่าในแต่ละเดือนมีการใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็นมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับเงินรายได้ที่มีถือว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อที่ในเดือนต่อ ๆ ไป จะได้ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และมีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายคือหัวใจหลักของวิธีการออมเงินอย่างจริงจัง
3. มีบัญชีเก็บออมเงิน
ควรเปิดบัญชีสำหรับการออมเงินแยกออกจากบัญชีเงินอื่น ๆ เพื่อที่เวลามีเงินรายได้เข้ามา จะได้โอนเงินเก็บไว้ในบัญชีเงินออมได้ทันที ไม่ควรเอาเงินเก็บไปรวมไว้กับบัญชีเงินใช้จ่าย เพราะจะทำให้เกิดความสับสน และเผลอใช้เงินเกินกว่าที่ตั้งใจไว้อีกด้วย
4. ใช้วิธีออมเงินก่อนใช้ มั่นใจกว่า
วิธีออมเงินที่ดีที่สุด คือการสร้างวินัยทางการออม ดังนั้น เมื่อมีเงินรายได้เข้ามา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ตัดส่วนของเงินออมตามที่ได้แนะนำไว้ในข้อแรก ไปเก็บไว้ในบัญชีเก็บออมเงินทันที ก่อนที่จะนำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ต่อไป
5. ลดหนี้ลง เงินเหลือมากขึ้น
สำหรับคนที่มีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้ระยะยาว เช่น บ้าน รถยนต์ หรือหนี้ระยะสั้น เช่น บัตรเครดิต ผ่อนของใช้ต่าง ๆ ต้องพยายามลดหนี้สินให้มากที่สุด ด้วยการชำระหนี้อย่างตรงเวลา และไม่ก่อหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากความฟุ่มเฟือย ซึ่งการลดหนี้จะช่วยให้ในแต่ละเดือนมีเงินเหลือไว้ใช้มากขึ้น และมีเงินเหลือไว้เก็บออมมากขึ้นนั่นเอง
6. ออมเงินโดยการช็อปอย่างชาญฉลาด
หนึ่งในวิธีออมเงินที่จำเป็นมากสำหรับขาช็อปทั้งหลาย คือพยายามลดนิสัย “โอนไว จ่ายเร็ว” และหันมาถามตนเองก่อนจับจ่ายว่า สิ่งของที่กำลังจะซื้อไปนั้น จำเป็นจริงหรือไม่ รวมถึงควรหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ ร้าน เพื่อให้ได้ของที่ต้องการในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และมีเงินเหลือไว้เก็บออมได้มากขึ้น
7. ทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน
การทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เป็นหนึ่งในวิธีออมเงินที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทำอาหารครั้งเดียว สามารถรับประทานได้ทั้งครอบครัว วิธีออมเงินนี้นอกจากจะช่วยให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ยังเป็นการสร้างช่วงเวลาดี ๆ กับครอบครัวอีกด้วย