ประกันภัยรถยนต์

เปรียบเทียบประกันรถยนต์

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งความเสียหายต่อตัวรถ ความเสียหายจากการชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ และยังให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร

เรียนรู้เพิ่มเติม

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+

ประกันภัยรถยนต์ 2+ จากคุ้มภัยโตเกียวมารีน เหมาะกับคนขับรถที่มีประสบการณ์ มีความเสี่ยงต่ำ เลือกเบี้ยประกันที่คุ้มค่าอย่างประกันรถยนต์ 2+

เรียนรู้เพิ่มเติม

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+

เหมาะกับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ เบี้ยประกันสุดคุ้ม ไม่จำกัดอายุรถ

เรียนรู้เพิ่มเติม

คำถามที่พบบ่อยสำหรับประกันรถยนต์

1.จำเป็นต้องทำประกันรถยนต์ไหม

ประกันภัยรถยนต์มี 2 ประเภท หากเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ซึ่งกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. หากฝ่าฝืนไม่ทำ พ.ร.บ. จะมีโทษตามกฏหมาย แต่ พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองในเรื่องของการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และเสียชีวิตเท่านั้น ไม่มีความคุ้มครองตัวรถ สำหรับประกันภัยภาคสมัครใจ กฎหมายไม่ได้บังคับให้รถทุกคันต้องมีประกันภัยชนิดนี้ แต่หากเกิดอุบัติเหตุ จะให้ความคุ้มครองค่าซ่อมแซมรถยนต์ของทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณีตามทุนประกันภัยที่เลือก ทั้งนี้รายละเอียดความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์ที่เลือกด้วย ดังนั้นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจึงควรจะต้องมีติดรถไว้

2.มีประกันรถยนต์ดีอย่างไร

นอกจากให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร การซ่อมแซมรถของผู้เอาประกัน และรถคู่กรณีแล้ว การมีประกันรถยนต์จะช่วยให้การไกล่เกลี่ย เมื่อเกิดอุบัติเหตุเป็นเรื่องง่ายขึ้น เสียเวลาน้อยลง เพราะการให้เจ้าหน้าที่สำรวจภัยเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ก็เป็นเรื่องง่ายกว่า นอกจากนี้หากคุณต้องขึ้นโรงพักหรือต้องมีการประกันตัว ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจก็จะให้ความคุ้มครองเรื่องนี้ด้วย มีประกันรถยนต์ดีแบบนี้นี่เอง เรื่องยากๆ ให้มืออาชีพเค้าดูแลดีกว่า

3.เลือกประกันรถยนต์ยังไงดี

1. ดูที่ทุนประกันเป็นหลัก ทุนประกันควรเหมาะสมกับราคาตลาดของรถคุณ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม

2. ราคาค่าเบี้ยประกันภัยควรสอดคล้องกับงบประมาณที่มี

3. สไตล์การใช้รถ แต่ละคนใช้รถมากน้อยไม่เหมือนกัน ขับระยะทางใกล้ไกลแตกต่างกัน จึงต้องการประเภทของประกันรถยนต์ที่แตกต่างกันไป

ประกันรถยนต์แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร

4.ต่อประกันรถยนต์ก่อนหมดกี่วัน

ปกติบริษัทประกันรถยนต์จะมี SMS แจ้งเตือนหรือพนักงานโทรแจ้งก่อนหมดอายุ แนะนำว่าหากได้รับ SMS หรือมีพนักงานโทรแจ้งก็สามารถแจ้งต่อประกันได้เลย โดยส่วนมากจะแจ้งก่อน 3 เดือน หรือล่วงหน้า 1 เดือน ไม่แนะนำให้รอต่อตอนที่ประกันใกล้หมดอายุ เพราะถ้าหากลืมต่อ แล้วเกิดอุบัติเหตุตอนที่ประกันหมดอายุแล้ว ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองและอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเองโดยเฉพาะกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด